นกเขาไม่ขันเกิดจากอะไร
คำถามที่ได้ยินกันค่อนข้างบ่อย คือ เป็นโรคเบาหวานแล้วทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หรือไม่? คำตอบกว้าง ๆ คือ “เสื่อมลง” แต่ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเบาหวานในผู้ชายหรือผู้หญิงและยังมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วยด้วย
สิ่งสำคัญที่ควรรู้สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
โรคเบาหวานจะไม่ทำให้ความสามารถในการมีเพศสัมพันธ์เปลี่ยนไปในผู้หญิงผู้ชายที่เป็นโรคเบาหวาน อารมณ์ทางเพศและความสามารถในการร่วมเพศ ทั้ง 2 อย่างอาจจะลดลงได้การแข็งตัวของอวัยวะเพศในผู้ชายต้องอาศัยการทำงานของระบบประสาท หลอดเลือด ฮอร์โมน สารหลั่งบางอย่าง สิ่งเหล่านี้มักจะผิดปกติและเป็นต้นเหตุของอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในผู้ป่วยเบาหวานโรคเบาหวานอาจถือได้ว่าเป็นโรคที่เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศผู้ป่วยเบาหวานที่ได้รับการวินิจฉัยมาประมาณ 10 ปี
มีโอกาสเกิดอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ถึง 50-70%เมื่ออายุมากขึ้น บวกกับระยะเวลาเป็นโรคเบาหวาน ยิ่งนานการควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดีและการเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ยิ่งจะทำให้มีการ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้มากขึ้นผู้ป่วยเบาหวานมักต้องกินยาหลายชนิด ซึ่งบางชนิดอาจทำให้เกิดการ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้การรักษา ได้แก่ การแก้ไขปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ การให้ยาเพื่อช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้นานขึ้น แต่ยาเหล่านี้ไม่สามารถกระตุ้นให้มีอารมณ์ทางเพศเพิ่มขึ้นมาได้
เบาหวานกับอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศโดยทั่วไปโรคเบาหวานจะไม่ทำให้ความสามารถในการมีเพศสัมพันธ์เปลี่ยนไปในผู้หญิง แต่ถ้าโรคเบาหวานรุนแรงมาก หรือมีโรคแทรกซ้อนหลาย ๆ อย่างจนหญิงนั้นหมดอารมณ์ การมีเพศสัมพันธ์ก็จะลดลงในผู้ชายที่เป็นโรคเบาหวาน อารมณ์ทางเพศและความสามารถในการร่วมเพศ ทั้ง 2 อย่างอาจจะลดลงได้ เพราะในผู้ชาย การที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้จำเป็นต้องมีการแข็งตัวของอวัยวะเพศจนสามารถสอดใส่ เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้หญิง การแข็งตัวของอวัยวะเพศในผู้ชายต้องอาศัยการทำงานของระบบประสาท หลอดเลือด ฮอร์โมน สารหลั่งบางอย่าง ตลอดจนอวัยวะเพศที่สมบูรณ์ ชายที่เป็นผู้ป่วยเบาหวาน ถ้ามีปัจจัยหลาย ๆ ประการที่กล่าวมานี้ขาดตกบกพร่อง มีโอกาสบ่อยที่จะเกิด การไม่แข็งตัวของอวัยวะเพศ หรือ Erectile Dysfunction(ED) ได้ ทั้ง ๆ ที่ยังมีอารมณ์อยากจะร่วมเพศอยู่เต็มเปี่ยม
กรณีนี้ จะเป็นความทุกข์ทรมานต่อจิตใจของผู้ป่วยเบาหวานอย่างยิ่ง เพราะทำให้ “รู้สึกว่าเป็นชายที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์” นอกจากนี้ยังอาจมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีก เช่น ภรรยาที่บ้านอาจระแวงว่าแอบไปมีหญิงอื่น หรือบางคนพาลมีอารมณ์หงุดหงิดในเวลาทำงาน ไม่มีสมาธิในการทำงาน ในผู้ชายที่ปลงได้ ก็อาจไม่มีปัญหาอะไร คิดว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ในความเป็นจริงอาการ ED เป็นภาวะแทรกซ้อนอย่างหนึ่งของโรคเบาหวานที่พบได้บ่อย 27-75% ของผู้ป่วยเบาหวาน แต่ก็ต้องสำรวจว่า ผู้ป่วยเบาหวานเป็นคนอายุมากหรือน้อย เป็นโรคเบาหวานมานานหรือยัง มีโรคแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานหรือยัง มีโรคอย่างอื่นร่วมด้วยหรือไม่ ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่หรือไม่ กินยาที่ทำให้เกิด ED ร่วมด้วยหรือไม่ มีปัญหาทางจิตใจอย่างอื่นร่วมด้วยหรือไม่ ส่วนในผู้หญิงเนื่องจากกระบวนการในการมีเพศสัมพันธ์ไม่ต้องมีการแข็งตัวของอวัยวะเพศจึงไม่มีโรค ED ในผู้หญิง
ผู้ป่วยเบาหวานชายยังมีสาเหตุอื่นที่ทำให้ความสามารถในการมีเพศสัมพันธ์ลดลงด้วย คือ การมีอารมณ์ทางเพศลดลงเนื่องจากขาดฮอร์โมนเพศชาย เทสโตสเตอโรน(Testosterone) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชายสูงอายุ กรณีนี้บางคนอาจไม่รู้สึกเป็นทุกข์มาก เพราะไม่มีทั้งอารมณ์ที่จะร่วมเพศ(Libido ลดลง) และอวัยวะเพศไม่แข็งตัว(ED) ด้วย ความทุกข์ร้อนจึงอาจไม่เท่าชายฉกรรจ์ที่มีความรู้สึกทางเพศดีอยู่ แต่อวัยวะเพศไม่แข็งตัวมีแต่อาการ ED
ชายที่เป็นโรคเบาหวาน เป็น ED กันมากแค่ไหน
โรคเบาหวานอาจถือได้ว่าเป็นโรคที่เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการ ED มีรายงานมานานมากกว่า 200 ปี คือตั้งแต่ ค.ศ. 1798 ผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสพบอาการ ED ได้มากกว่าคนที่ไม่เป็นโรคเบาหวานที่มีอายุเท่า ๆ กัน และสามารถพบได้แม้ว่าอายุยังน้อย ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ได้รับการวินิจฉัยมาประมาณ 10 ปี มีโอกาสเกิดอาการ ED ได้แล้วถึง 50-70% ซึ่งอายุเป็นตัวแปรที่สำคัญของอาการนี้ คนที่อายุ 20-29 ปี พบ ED ได้ 9% อายุ >70 ปี พบได้ถึง 95% นอกจากนี้ อาการจะยิ่งเพิ่มขึ้นถ้าเป็นโรคเบาหวานมานานมาก การควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดี และมีภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เกิดขึ้นแล้ว เช่น ที่ระบบประสาท หลอดเลือด หัวใจ ไต อายุเป็นตัวแปรที่สำคัญในการเกิด ED ทั้งในคนที่เป็นและไม่เป็นโรคเบาหวาน ชายอายุ 80 ปี มีโอกาสเกิด ED ได้ 70-80% ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ แต่ที่อายุ 40 ปี ถ้าเป็นโรคเบาหวาน มีโอกาสเป็น ED ได้ถึง 8-50% โดยที่คนทั่วไปพบได้เพียง 2% เท่านั้น
ที่มา นกเขาไม่ขัน.com
No comments:
Post a Comment